โลกของเราที่อยู่ทุกวันนี้ ไม่เคยเสื่อมลงแต่อย่างไร มีแต่ใจคนเท่านั้นที่เสื่อม และต่อไปก็จะมีแต่เสื่อมลง ๆ จนบางทีเรียกได้ว่า "กลียุค" คงไม่ผิดนัก หลายเห็นผิดเป็นชอบ เห็นอำนาจของเงินสำคัญกว่าคุณค่าของจิตใจ กราบคนเลว นับถือคนรวย จนท้ายที่สุดคนดี ๆ ต่าง ท้อแท้จะทำความดี
ตัวแปรอย่างหนึ่งที่ทำให้โลกนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงคือ การเติบโตอย่างรวดเร็วของอำนาจของวัตถุนิยม ผู้เขียนเคยได้ยินข่าวไม่นานมานี้ว่า วัยรุ่นจีนคนหนึ่ง ถึงกับยอมลงทุน ขายไตตัวเองข้างหนึ่ง เพื่อแลกกับการได้มาซึ่ง ไอแพดและไอโฟน !!! ในยุคที่เทคโนโลยีกำลังเฟื่องฟู หลายคนอยากได้อยากมี เพื่อสนองกิเลสตัณหาที่ไม่รู้จักจบสิ้น เพื่ออะไรเหรอ เพื่อเอาไว้ใช้ทำงานเป็นประโยชน์ หรือว่าเพื่ออวดร่ำอวดรวย เห็นคนอื่นมีก็อยากจะมีตาม ทั้ง ๆ ที่ยังหาเงินไม่ได้ หรือ บางทีเงินเดือนจะไม่พอกินพอใช้กันอยู่แล้ว
เมื่อยุควัตถุนิยมเรืองอำนาจ ใจคนก็เปลี่ยนไป วัฒนธรรมศิลปะอันดีงามของคนยุคก่อน ก็พลอยจะถูกลืมไปด้วย วันก่อนได้ดูรายการสะเก็ดข่าว มีมโนราห์ท่านหนึ่ง ร้องเพลงเป็นวณิพก สวมชุดพรานบุญใส่หน้ากากพ่อทวดพรานบุญ ย่านรามคำแหง ผู้เขียนเห็นแล้วก็จำได้ เพราะเคยพบเจอแถว สวนจตุจักร แล้วก็ได้สัมภาษณ์ความเป็นมาของชีวิตของเขา เขาเล่าว่า เป็นคนนครศรีธรรมราช สืบทอดศาสตร์มโนราห์มาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ด้วยความที่เห็นแต่เด็กจึงเรียนรู้ซึมซับ จนสามารถแสดงมโนราห์ได้ แต่ว่ายุคสังคมเปลี่ยนไป คนเริ่มสนใจกันน้อยลง รายได้ก็น้อยลง จนอยู่ไม่ได้จนต้องมาร่อนเรพเนจรหากินใน กรุงเทพ นี้แหละสิ่งที่กำลังเป็นไปในยุคนี้ ศาสตร์มโนราห์ ที่อยู่กันในภาคใต้ ถ้าเป็นแบบดั้งเดิมจริง ๆ แทบจะหากันไม่ได้แล้ว มีแต่วงมโนราห์ประยุกต์ ที่นำเอาลูกเล่นต่าง ๆ มาประกอบการแสดง เพื่อสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของของมนุษย์ยุคนี้ ถ้าไม่ทำก็อยู่กันไม่ได้ !!!
รายการสะเก็ดข่าว------->
http://www.bugaboo.tv/embed/8163
0 comments:
แสดงความคิดเห็น