ครูละมัย ศรีรักษา ครูมโนราห์ประจำศูนย์ส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติครูภูมิปัญญาไทยภาคใต้รุ่นที่ 7 ด้านศิลปกรรมการแสดงพื้นบ้านมโนราห์จากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เข้ารับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ ณ โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2554 โดยมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องค์มนตรีเป็นประธานมอบรางวัล
ครูละมัย ศรีรักษา เดิมมีอาชีพทำสวนควบคู่ไปกับการแสดงมโนราห์ตามสถานที่ต่างๆ กระทั่งได้มีโอกาสร่วมงานกับอาจารย์ยก ชูบัว ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงมโนราห์คนแรกของภาคใต้ ซึ่งเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในขณะนั้น ครูละมัยจึงได้รับการชักชวนจากอาจารย์ยกให้เข้าทำงานเป็นครูสอนรำมโนราห์ที่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จากนั้นได้ย้ายเข้าทำงานที่ศูนย์ส่งเสริมศิลปะ และวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยทำหน้าที่สอนรำมโนราห์ แก่นักศึกษาและผู้สนใจ ตลอดจนบุตร หลาน ของบุคลากรมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จวบจนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลากว่า 12 ปี
ที่ผ่านมานอกจากการเป็นครูสอนรำมโนราห์ประจำศูนย์ส่งเสริม ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ครูละมัยยังได้ทำหน้าที่เผยแพร่ศิลปะการรำมโนราห์ด้วยการสอนรำมโนราห์แก่ เด็กๆ ในชุมชน โดยใช้บ้านของตนเองเป็นสถานที่ฝึกสอน การเป็นครูพิเศษสอนรำมโนราห์ตามโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดสงขลา เช่น โรงเรียนวัดเลียบ โรงเรียนวัดท่าข้าม จนได้พบกับ ครูนครินทร์ ชาทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน-หนังตะลุง) ผู้เล็งเห็นถึงความสามารถและการอุทิศตนเพื่อดำรงไว้ซึ่งศิลปะการแสดงของภาค ใต้ จึงได้เสนอชื่อของครูละมัยเข้ารับรางวัลศิลปินดีเด่นประจำจังหวัดสงขลาและ รางวัลครูภูมิปัญญาไทย ทำให้ครูละมัยเป็นผู้ได้รับทั้งสองรางวัลอันทรงคุณค่าดังกล่าว
ครูละมัย ศรีรักษา หรือแม่ละมัยของเด็กๆ กล่าวว่า ศิลปินไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ใดต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมือง สิ่งแวดล้อม รอบๆ ตัว จะต้องติดตามข่าวสารและเรียนรู้เรื่องที่คนทุกเพศทุกวัยสนใจ เพื่อนำมาบอกเล่าผ่านศิลปะการแสดงนั้นๆ ศิลปินที่มีบทบาทของการเป็นครูผู้สอนจะต้องให้ความรักความจริงใจแก่ลูกศิษย์ ซึ่งนอกจากการรำมโนราห์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ตนพยายามปลูกฝังให้กับเด็กคือการพูดภาษาถิ่นใต้ โดยจะใช้ภาษาถิ่นใต้สื่อสารกับเด็กๆ เพื่อให้เด็กซึมซับและเข้าใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นใต้อย่างแท้จริง รางวัลครูภูมิปัญญาไทยที่ได้รับในครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของลูกศิษย์ ของตนทุกคน และเป็นกำลังใจสำคัญของตนที่จะถ่ายทอดศิลปะการแสดงมโนราห์ให้แก่เด็กๆ ต่อไป ตนทำงานด้านนี้ด้วยใจรักและไม่เคยคิดหวังผลตอบแทน และคิดเสมอว่าจะหยุดถ่ายทอดความรู้แก่เด็กๆ ก็ต่อเมื่อไม่มีกำลังจะขึ้นเวทีแล้วเท่านั้น ตนขอขอบพระคุณอาจารย์สุนทร นาคประดิษฐ์ ศิลปินดีเด่น จังหวัดสงขลา สาขาวรรณศิลป์ ที่ได้เขียนบทรำมโนราห์ให้แก่ตนรวมทั้งได้ถ่ายทอดความรู้ด้านการเขียนบทรำ มโนราห์ให้แก่ตนด้วย และขอขอบคุณมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ที่เปิดโอกาสให้ตนได้แสดงความสามารถและได้ถ่ายทอดศิลปะให้เยาวชนรุ่นหลังได้ สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นใต้ต่อไป
ครูภูมิปัญญาไทยคือบุคคลเจ้าของภูมิปัญญาหรือผู้นำภูมิปัญญา ต่างๆ มาใช้ประโยชน์ จนเกิดผลสำเร็จ มีผลงานดีเด่น เป็นที่ยอมรับและได้รับการยกย่องในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ที่สามารถถ่ายทอด เผยแพร่ เชื่อมโยงคุณค่าของภูมิปัญญาในแต่ละสาขานั้นๆ ให้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง สำหรับการสรรหาครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 7 ในปี 2554 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้เชิญครูภูมิปัญญาไทยรุ่นต่างๆ และผู้ทรงคุณวุฒิจากทุกสาขามาเป็นผู้สรรหาผู้ทรงภูมิปัญญา ใน 9 ด้าน ได้แก่ ด้านเกษตรกรรม ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม ด้านการแพทย์แผนไทย ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านกองทุนและธุรกิจชุมชน ด้านศิลปกรรม ด้านภาษาและวรรณกรรม ด้านปรัชญา ศาสนา และประเพณี และด้านโภชนาการ โดยมีผู้สนใจส่งเอกสารเพื่อเข้ารับการคัดเลือกจากทั่วประเทศ จำนวน 477 คน และมีผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นครูภูมิปัญญา ไทย รุ่นที่ 7 จำนวนทั้งสิ้น 96 คน
0 comments:
แสดงความคิดเห็น