adyim.com
  • หน้ากากพ่อทวดพรานบุญ รุ่นเสน่หารุมรัก

    หน้ากากพ่อทวดพรานบุญ มโนราห์ พิทักษ์ พรหมมวาส (หมอเอก) สร้างตามศาสตร์ไสยเวทย์ครูหมอโนราห์แบบโบราณ ประจุพลังครูพ่อทวดพรานบุญขลังนัก มีสองพิมพ์ให้เลือก เล็ก-ใหญ่ (พิมพ์ใหญ่ประมาณหัวแม่มือ พิมพ์เล็กย่อมลงมาหน่อย) พิเศษที่พิมพ์ใหญ่ บรรจุ โกเมน เสริมวาสนาบารมี ส่วนพิมพ์เล็ก ฝังตะกรุด เสน่หารุมรัก เป็นเมตตามหาเสน่ห์

  • สีผึ้งสาริกาคู่คืนรัง (พ่อกาแม่กามหาเสน่ห์)

    สีผึ้งสาริกาคู่คืนรัง(พ่อกาแม่กามหาเสน่ห์)ไม้กาฝากกาหลง ตำหรับมโนราห์ พิทักษ์ พรหมวาส (หมอเอก) ท่านจัดสร้างไว้นานแล้วและปลุกเสกมาโดยตลอด ทำพิธีลงหัวใจสาริกา ที่สีผึ้งสาริกาคืนรังนี้เองทุกคู่ พร้อมทั้งยังอัญเชิญ ทวดพรานบุญ มาในพิธี เพิ่มพลังให้เข้มขลังมายิ่งขึ้นสีผึ้งสาริกาคู่คืนรังนี้เด่นไปทางด้าน เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ ค้าขาย เหมาะสำหรับพ่อค้าแม่ขาย นักร้อง นักแสดง ผู้ทำงานให้บริการต่าง ๆ เพราะเมื่อพกบูชาติดตัวแล้ว จะพูดจาสิ่งใดมีแต่คนเชื่อถือ คนรักใคร่ เป็นที่เมตตาต่อผู้พบเห็น

  • พญางั่งมหาอุลลุม

    พญางั่งมหาอุลลุม ปลุกเสกโดยมนต์เนื้อหอมนาคเรียกโขลง ซึ่งเป็นมนต์เสน่ห์เรียกผู้คนมาห้อมล้อม มโนราห์ พิทักษ์ พรหมมวาส ตั้งใจปลุกเสกให้เข้มขลังทรงพลังเต็มที่ ประจุมนต์ลงใน “พญางั่งมหาอุลลุม ” ให้มีพลังเสน่ห์แรงกล้า จะเป็นเสน่ห์เมตตากับคนทั่วไป แม้เพียงเห็นหน้าก็ให้ถูกชะตา ติดต่อการงานไม่มีพลาด ได้รับความช่วยเหลืออย่างคาดไม่ถึง มีแต่ผู้คนเอ็นดู พกติดตัวไปค้าขาย บอกราคาไปเถิดลูกค้าใจอ่อนซื้อไม่มีต่อรอง ค้าได้ขายดีมีกำไร พกติดตัวไปเที่ยวแหล่งใดเป็นเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามหลงไหลวนเวียนไม่ห่าง พกติดตัวไปต่างแดนติดต่อเจรจาการใดไม่มีติดขัด ผู้คนรอบข้างเจ้านายลูกน้องให้ความร่วมมือดีทุกประการ เสน่ห์เมตตารุนแรงสมเป็นของดีชั้นครู

  • คุณพ่อปลัดหัวทอง ตำหรับทวดพรานบุญ

    คุณพ่อปลัดหัวทอง ทำมาจากไม้พยุง มโนราห์ พิทักษ์ พรหมมวาส (หมอเอก) ทำการปลุกเสกพลังพุทธาคมเข้มขลังเอกอุสมบูรณ์พร้อม ลงทองเองกับมือทุกตัว ประจุพลังครู ทวดพรานบุญ ขลังยิ่งนัก ใช้แขวนเอว จะช่วยให้เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย เสริมดวง โชคลาภ กันผีสาง งูเงี้ยวเขี้ยวขอ เป็นของดีที่เด่นมาก ลองนำไปบูชาติดตัวกันดู จะรู้เองเห็นเองในความขลังของครูสายนี้

  • น้ำมันสาริกาคู่คืนรัง (พ่อกาแม่กามหาเสน่ห์)

    น้ำตาปลาพยูน น้ำมันเสน่ห์จันทร์ น้ำมันหอมพ่อทวดพรานบุญ แป้งเสกมโนราห์ ว่านสาวหลง ว่านดอกทอง แป้งแม่ศรีมาลา น้ำมันตะเกียงไหว้ครูหมอ ทั้งหมดเป็นมวลสารมหาเสน่ห์ ตำหรับมโนราห์ พิทักษ์ พรหมวาส (หมอเอก) สำหรับตัวนกสาริกาคู่ ทำมาจากไม้รักซ้อน เสกอาการ 32 เสกหัวใจเปิดปากนก ตานก ด้วยคาถา พระพุทธเจ้าเปิดโลก อัญเชิญพ่อทวดพรานบุญในพิธีปลุกเสกให้เข้มขลังเอกอุ ใช้พกติดตัวเป็นมหาเสน่ห์ น้ำมันใช้เจิมหน้าผากกับแตะลิ้นก่อนออกจากบ้าน ใช้เจรจาขอความรักให้กลับคืน เชื่อมั่นศรัทธา ไม่ลังเล ย่อมเกิดผล ตามดวงจิตปรารถนา

  • เหรียญสาริกาคู่คืนรัง (พ่อกาแม่กามหาเสน่ห์)

    เหรียญสาริกาคู่คืนรัง ตำหรับมโนราห์ พิทักษ์ พรหมวาส (หมอเอก) เสกอาการ 32 เสกหัวใจเปิดปากนก ตานก ด้วยคาถา พระพุทธเจ้าเปิดโลก อัญเชิญพ่อทวดพรานบุญในพิธีปลุกเสกให้เข้มขลังยิ่ง พุทธคุณสูงใช้ดีทาง เมตตามหานิยม-มหาเสน่ห์ มหาระลวย ใช้เจรจาขอความรักให้กลับคืน บันดาลโชคลาภ วาสนา เป็นที่รักชอบของผู้ที่ได้พบเห็น เจรจาพาทีไพเราะเสนาะหูจับจิตจับใจแก่ผู้ที่ได้ยินได้ฟังให้หลงใหลคล้อยตาม วัตถุมงคลของ หมอเอก ทุกชิ้นรับประกันความแท้ เชื่อมั่นศรัทธา ไม่ลังเล ย่อมเกิดผล ตามดวงจิตปรารถนา

มโนราห์ พิทักษ์ พรหมวาส (หมอเอก) จ.ยะลา

16 ก.ย. 2554

ปฐมบทกำเนิด โนรา ตำนานที่ 2



        เนื่องจาก โนรา มีความเป็นมาอันยาวนาน ทำให้มีหลายตำนาน ทางผู้เขียนมิอาจฟันธงได้ว่า ตำนานไหนเป็นตำนานจริงแท้ แต่อาศัยการศึกษาข้อมูลจาก ครูโนราในภาคใต้แต่ละแห่ง และหนังสือที่เกี่ยวข้อง มาประกอบกัน โดยข้อมูลที่นำเสนอจะพยายามบอกให้ละเอียด  แล้วจะสรุปข้อมูลในปฐมบทสุดท้ายครับ  ทั้งนี้เพื่อเป็นวิทยาทานให้แก่ผู้อ่านได้ทราบ จะได้ไม่เลื่อนหายไปตามกาลเวลา

        มาถึงตำนานที่ 2 ของประวัติ โนรา โดยข้อมูลนี้มาจาก โนราวัด จันทร์เรือง บ้านกล้วย ต.พังงา อ.ระโนด จ.สงขลา ความว่า ท้าวมัทศิลป์ นางกุญเกสี เจ้าเมืองปิญจา มอบราชสมบัติให้เจ้าสืบสายพระราชโอรส ขึ้นครองแทน โดยแต่งตั้งเจ้าพระยาสายฟ้าฟาดและมอบพี่เลี้ยงให้ 6 คน ชื่อนายทอง นาย เหม นายบุษป์ นายวงศ์ นายตั้นและนายทัน โดยแต่งตั้งให้แต่ละคนมีบรรดาศักดิ์ดังนี้ นายทองเป็นพระยาหงส์ทอง ตำแหน่งทหารฝ่ายขวา นายเหมเป็นพระยาเหม เป็นพระยาหงส์เหมราช ตำแหน่งทหารเอกฝ่ายซ้าย นายบุษป์เป็นขุนพิจิตรบุษบา ตำแหน่งปลัดขวา นายวงศ์เป็ยพระยาไกรวงศา ตำแหน่งปลัดซ้าย นายตั้นเป็นพระยาหริตัยปัญญา ตำแหน่งขุนขลัง และนายทันเป็นพระยาโกนทันราชา ให้เป็นฝ่ายปกครอง 

        เจ้าพระยาสายฟ้าฟาดมีชายาชื่อ ศรีดอกไม้ มีธิดาชื่อนวลสำลี มีพี่เลี้ยงสี่คน คือแม่แขนอ่อน แม่เภา แม่เมาคลื่น และแม่ยอดตอง เมื่อนางนวลสำลีเจริญวัย พระอินทร์คิดจะให้มีนักรำแบบใหม่ขึ้นในเมืองกุลชมพู เพิ่มจากหัวล้านชนกัน และนมยานตีเก้ง ซึ่งมีมาก่อน จึงดลบันดาลให้นางนวลสำลีกินเกสรบัว ขณะที่นางกินพระอินทร์ก็ทรงส่งเทพบุตรไปจุติยังครรภ์ของนาง จากนั้นมานางรักแต่ร้องรำสนุกสนานแม้เจ้าพระยาสายฟ้าฟาดจะห้ามปราม แต่พอลับหลังก็ยิ่งสนุกยิ่งขึ้น เจ้าพระยาสายฟ้าฟาดจึงสั่งเนรเทศโดยลอยแพพร้อมกับพี่เลี้ยงไปเสียจากเมือง พระยาหงส์ทองกับพระยาเหมราชเห็นเช่นนั้นจึงวิตกว่าขนาดพระธิดาทำผิดเพียงนี้ให้ทำโทษลอยแพ ถ้าตนทำผิดก็ต้องถึงประหาร จึงหนีออกจากเมืองไปเสีย

        แพของนางไปติดที่เกาะกะชัง นางคลอดบุตรที่นั้นให้ชื่อว่า อจิตกุมาร เมื่อ อจิตกุมารโตขึ้นก็หัดร้องรำด้วยตนเองโดยดูเงาในน้ำเพื่อรำได้สวยงาม และสามารถรำแม่บทได้ 12 ท่า ต่อมาข่าวการรำแบบใหม่ได้แพร่ไปถึงเมืองปิญจา เจ้าพระยาสายฟ้าฟาดจึงให้คนมารับรำให้ดู คณะของอจิตกุมารถึงเมืองปิญจาวันพุธ ตอนบ่ายโมง เมื่ออจิตกุมารรำ คนก็ชอบหลงไหล ฝ่ายนางนวลสำลีได้เล่าความหลังให้อจิตกุมารฟัง อจิตกุมารจึงหาทางเข้าเฝ้าพระเจ้าตา เมื่อทูลถามที่ขับไล่นางนวลสำลีนั้นชาวเมืองชอบใจหรือไม่พอใจ เจ้าพระยาสายฟ้าฟาดว่าไม่รู้ได้ แต่น่าจะไม่พอใจ เพราะเห็นพระยาหงส์ทองและพระยาเหมราชหนีไปเสียคงโกรธเคืองในเรื่องนี้ อจิตกุมารถามว่าถ้าพระยาทั้งสองกลับมาจะชุบเลี้ยงตนหรือไม่ เมื่อเจ้าพระยาสายฟ้าฟาดว่าจะชุบเลี้ยงอีก อจิตกุมารจึงทำพิธีเชิญพระยาทั้งสองให้กลับมา โดยทำพิธีโรงครู ตั้งเครื่องสิบสอง แล้วเชิญครูเก่าแก่มาดูการรำถวายของเขา และเชิญมากินเครื่องบูชา ได้เชิญได้เชิญพระยาทั้งหกซึ่งเป็นพี่เลี้ยงพระยาสายฟ้าฟาดขึ้นกินเครื่องบูชาด้วย เมื่อทุกคนได้เห็นการฟ้อนรำก็พอใจหลงไหลแต่เสียตรงเครื่องแต่งกายซึ่งเป็นผ้าขาด ๆ เก่า ๆ จึงหยิบผ้ายกที่จัดให้เป็นเครื่องบูชาให้เปลี่ยนแทน พอเปลี่ยนแล้วเห็นว่าสวยยิ่งขึ้น เจ้าพระยาสายฟ้าพาดเห็นดังนั้นจึงเปลื้องเครื่องทรงและถอดมงกุฏให้ และกำหนดเป็นหลักปฏิบัติว่าถ้าใครจะรับโนราไปรำต้องมีขันหมาก ให้ปลูกโรงรำกว้าง 9 ศอก ยาว 11 ศอก ให้เป็นโรงรำเป็นเขตกรรมสิทธิ์จองคณะผู้รำ 

        อจิตกุมารรำถวายอยู่ 3 วัน 3 คืน พอถึงวันศุกร์จึงเชิญครูทั้งหมดให้กลับไปเสร็จพิธีพระยาสายฟ้าฟาดให้เปลี่ยนชื่อพริดาเพื่อให้สิ้นเคราะห์จากนวลสำลีเป็นศรีมาลา เปลี่ยนชื่อจาก อจิตกุมารเป็นพระเทพสิงสอน แล้วพระราชทานศรและพระขรรค์ให้ด้วย

        จากนั้น พระเทพสิงสอนได้เที่ยวรำไปยังที่ต่าง       พระยาทั้ง 4 คนขอตามไปด้วย ขุนพิจิตรบุษบากับพระยาไกรยวงศาเล่นเป็นตัวตลก สวมหน้ากากพราน จึงเรียกต่อมาว่าขุนพรานพระยาพราน พระยาโกนทันราชาแสดงการโถมน้ำ ส่วนพระยาหริตันปัญญาแสดงการลุยไฟให้คนดู จึงได้เรียกขานกันต่อมาว่าพระยาโถมน้ำและพระยาลุยไฟตามลำดับ  
        ณ เมืองปัญจา เจ้าเมืองชื่อท้าวแสงอาทิตย์ ชายาชื่อ กฎษณา มีโอรสชื่อศรีสุธน ศรีสุธนมีชายาชื่อ กาหนม มีพรานปืนหนึ่งคนชื่อ บุญสิทธิ์ พรานออกป่าล่าเนื้อมาส่งเสวยทุก 7 วัน ครั้งหนึ่งหาเนื้อไม่ได้แต่ได้พบนาง   7 คนที่สระอโนตัด ครั้นกลับเฝ้าพระราชาและทูลว่าหาเนื้อไม่ได้ จึงถูกภาคทัณฑ์ว่าถ้าหาเนื้อไม่ได้อีกครั้งเดียวจะถูกประหาร พรานจึงคิดจะจับนางทั้ง 7 มาถวายแทนสักคน

        นางทั้ง 7 เป็นลูกสาวของท้าวพุมพร เดิมท้าวพุมพรเป็นนายช่างของเมืองปัญจา ท้าวแสงอาทิตย์ให้สร้างให้สวยที่สุด ครั้นสร้างเสร็จท้าวแสงอาทิตย์ เกรงไว้ว่าถ้าเลี้ยงต่อไปจะไปสร้างประสาทเมืองอื่นอีก และจะทำให้สวยกว่าเมืองของตน จึงสั่งให้ฆ่าท้าวทุมพรเสีย แต่ท้าวทุมพรทราบข่าวจึงหนีออกจากเมืองปัญจาไปอยู่เมืองไกรลาส มีเมียชื่อเกษณี มีลูกสาว 7 คน ชื่อ จันทรสุหรี ศรีสุรัด พิม พัด รัชดา วิมมาลา และ โนรา เมื่อลูกสาวจะไปอาบน้ำที่สระอโนตัด ท้าวทุมพรก็ทำปีกหางให้บินได้

        ครั้นหนึ่งนางทั้ง 7 มาอาบน้ำ พรานบุญ ลักปีกหางของนางโนรา แล้วไปขอร้องพญานาคซึ่งเป็นเพื่อนเกลอมาช่วยจับ พญานาคเดิมเคยถูกครุฑเฉี่ยว พรานบุญสิทธิ์ได้ช่วยชีวิตเอาไว้ ครั้นนั้นพรานบุญขอร้องจึงให้การช่วยเหลือ พรานบุญสิทธิ์จำได้นำนางโนราไปถวายเป็นชายาของพระศรีสุธน
 

        ต่อมาข้าศึกเมืองพระยาจันทร์ยกมาตีเมืองปัญจา พระศรีสุธนออกศึกแล้วตามไปปราบถึงเมืองพระยาจันทร์ ขณะนั้นที่วัง นางกาหนม หาอุบายจะฆ่านางโนรา โดยจ้างโหรให้ทำนายว่าพระศรีสุธนมีพระเคราะห์จะไม่ได้กลับเมืองถ้าไม่ได้บูชายัญ และการบูชายัญนี้ให้เอานางโนราเผาไฟ นางโนราจึงอุบายขอปีกหางสวมใส่เพื่อรำให้แม่ผัวดูก่อนตาย นางรำถวายเทวดา นางรำจนเพลินแล้วจึงบินหนีไปเมืองไกรลาส พระสุธนกลับมาจากศึกสงคราม จึงไม่พบเลยตามไปจนได้รับกลับเมือง

        ต่อมาพรานบุญสิทธิ์ได้พบน้ำสุราที่ต้นไม้ ดื่มแล้วนึกสนุก เดินทางไปพบเทพสิงสอน เที่ยวรำเล่นอยู่จึงสมัครเข้าเป็นพราน 

        เมื่อเทพสิงสอนอายุได้ 25 ปี เจ้าพระยาสายฟ้าฟาดก็ให้บวช ในพิธีบวชมีการตัดจุก พราญบุญสิทธิ์จึงนำเรื่องนางโนราที่ตนพบมาเล่าและดัดแปลงขึ้นเล่นในครั้งนั้น โดยเล่นตอนคล้องนางโนราที่เรียกว่า คล้องหงส์”……….จบตำนาน........

        จะเห็นได้ว่าตำนานนี้มีส่วนคล้ายตำนานที่ 1 และมีส่วนคล้ายเนื้อเรื่องของ พระสุธน-นางมโนราห์ มีเรื่องของพรานบุญ มาเกี่ยวกันข้องด้วย ประวัติข้างต้นนั้นมีการสืบทอดพิธีกรรมตามปัจจุบันนี้ เช่น การแต่งกายของโนรา โนราโรงครู การปลูกโรงรำ การรำโนราในตอนโนราบูชายัญ และตอนคล้องหงส์ เป็นต้น อย่าลืมติดตามตอนที่ 3 นะครับท่านผู้อ่าน
       

           

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

Post & Comment

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม