อย่างที่เคยกล่าวไว้ในเนื้อหาบทความที่ผ่าน ๆ มา เรื่องของการเรียนวิชาไสยเวทให้มีประสิทธิผลนั้น ต้องมีความศรัทธาสูง มีจิตมั่น ไม่ลังเลสงสัย ทางผู้เขียนเองจึงขอยกกรณีศึกษา ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบและเข้าใจอย่างแจ่มชัด โดยจะนำเอาประสบการณ์ที่ผู้เขียนที่ประสบมาให้ท่านผู้อ่านไปทราบตามนี้
ช่วงชีวิตวัยรุ่นของผู้เขียนเองนั้นมีความศรัทธาในเรื่องไสยเวท ชอบในศาสตร์ของการสักยันต์เป็นอย่างมาก ได้เห็นพิธีกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เช่น พิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษ การเข้าทรงเพื่อติดต่อกับญาติที่ลวงลับไปแล้ว การใช้คาถาของคนสมัยก่อน เป็นต้น จึงมีความเชื่อเรื่องเหล่านี้เป็นทุนเดิม ผู้เขียนเองเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ เริ่มจากการถามเพื่อน ๆ ว่ามีครูบาอาจารย์ที่ไหนบ้างที่สักยันต์ มีเพื่อนคนหนึ่งบอกให้ไปที่วัดนางเหลียว อ.เกาะคา จ. ลำปาง ใกล้ ๆ กับบ้านของผู้เขียนเอง เมื่อถึงที่วัดจึงพบกับหลวงพ่อรูปหนึ่ง เห็นแล้วดูขลังมากในวินาทีแรก เพราะ ท่านมีลายสักยันต์พอสมควร และมีแววตาที่ดูแน่วนิ่งน่าเกรงขาม ท่านถามว่ามาหามีธุระอะไร จึงตอบไปว่า ต้องการมาสักยันต์กับท่าน ท่านก็เลยให้ไปที่หลังโบรถ์เพื่อทำการสักยันต์ครอบครูให้ จากวันนั้นทางผู้เขียนเองก็แวะเวียนไปหาท่านเป็นประจำเพื่อสักยันต์และขอเรียนถาคาอาคม
ผ่านไป 2 ปี มีอยู่วันหนึ่งไปแวะเวียนหาท่านเช่นเคย ท่านเห็นว่าเป็นลูกศิษย์มานาน แต่ยังมีข้อสงสัยในวิชาไสยเวทอย่างมาก ท่านจึงบอกให้นำขวดแก้วมา 1 ใบแล้วนำขวดแก้วนั้นทุบให้แตก เลือกเศษแก้วที่คมที่สุดมาให้ท่าน จากนั้นท่านก็บริกรรมคาถา แล้วนำเศษแก้วนั้นกรีดที่แขนท่านไปมาหลายครั้ง แต่ไม่ปรากฏว่าแขนมีรอยแต่อย่างใด ทางผู้เขียนเองรู้สึกอึ้ง ทึ่ง เสียว อย่างมาก ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นท่านก็สอนวิชาให้ เรียกว่าวิชากันคมแก้ว โดยบอกว่าให้ทำจิตให้ตั้งมั่น ไม่สงสัยในวิชา ภาวนาคาถา 4 ตัว แล้วเป่าคาถาไปยังเศษแก้ว เมื่อสอนวิชาให้เรียบร้อยท่านก็ให้ทดสอบกับแขนผมเองเลย สภาวะจิตตอนนั้นของผู้ขียนเองตอนนั้นนอกจาก อึ้ง ทึ่ง เสียว อย่างที่บอกส่งผลทำให้จิตตก เลยกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะทำ และในใจเองก็ยังคิดว่าถ้าเข้าละจะทำไง ทำใจอยู่นานแต่สุดท้ายก็ทดสอบทำดู ผลปรากฎเป็นอย่างไรรู้ไหมครับท่านผู้อ่าน ผู้เขียนนำเศษแก้วที่คม ๆ มากรีดแขนตัวเอง 3 ครั้ง ……..เข้าเนื้อเลยครับ เลือดนี่ไหลเป็นสายเลย ท่านพระอาจารย์เห็นเช่นนั้นจึงนำสีผึ้งมาบริกรรมคาถาแล้วทาที่แผลเลืดจึงหยุดไหล หลังจากนั้นท่านจึงให้ทำอีกครั้ง เพื่อขจัดความสงสัยในตัวศิษย์ พระอาจารย์ท่านเน้นย้ำว่าให้ตั้งจิตให้มั่น แน่วแน่และอย่าสงสัย อย่ากลัว ทางผู้เขียนเองจึงลองดูอีกครั้งโดยทำสภาวะจิตให้ได้อย่างที่พระอาจารย์ท่านบอก ปรากฎว่าครั้งที่สอง แก้วที่กรีดลงบนแขนไม่ละคายผิวแต่อย่างใด อย่างมากแค่เป็นรอยยางบอน จากวันนั้นเป็นต้นมาทางผู้เขียนเองจึงเชื่อในศาสตร์นี้อย่างไม่เคลือบแคลงใจ ทั้งยังเป็นประสบการณ์ที่ดีในเรื่องการศึกษาศาสตร์ไสยเวทต่อไป
จากกรณีศึกษาข้างต้น ท่านผู้อ่านจะเห็นว่าการทำวิชาไสยเวทให้ขลังนั้น ต้องมี ศรัทธา จิตมั่น ไม่สงสัย จึงเกิดผล ติดตามกรณีศึกษาไสยเวทอื่น ๆ ได้ในตอนต่อไปครับ
+++บทความข้างต้นเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล+++
0 comments:
แสดงความคิดเห็น