เหตุที่ต้องกล่าวถึงเรื่องนี้เพราะสมัยนี้คนไม่เข้าใจวิชาไสยศาสตร์ โดยเฉพาะไสยศาสตร์ด้านเสน่ห์ ถูกกล่าวหาว่าเป็นศาสตร์ลามก ที่จริงแล้วผู้ปฎิบัตินั้่นแหละลามก ตัววิชาไม่ได้ลามกเสื่อมเสียเลย เพราะคนทั้งหลายไม่รู้และเข้าใจในวิชาต่างๆเหล่านี้ จึงต้องเสียตัวเสียเงินให้กับหมอเสน่ห์ ที่ไม่มีคุณธรรมเป็นจำนวนมาก มีทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว ทั้งลือกันไปต่างๆ นานา ว่าถ้าฝึกวิชาไสยศาสตร์มากๆ แล้วจะเป็นบ้าบ้าง ร้อนวิชาบ้าง เป็นเหตุให้คนทั้งโลกประณามวิชาไสยศาสตร์ว่าเป็นเดรัจฉานวิชา ทั้งที่จริงๆแล้วเดรัจฉาน แปลว่า ขวาง เดรัจฉานวิชาจึงแปลว่าวิชาที่ขวางทางไปพระนิพพาน กล่าวถึงที่สุดคือเรียกว่าอวิชชา คือความไม่รู้ ทั้งที่จริงๆ แล้ววิชาที่ไม่เป็นเดรัจฉานวิชานั้นมีเพียงวิชา สมถะกรรมฐานและวิชาวิปัสสนากรรมฐาน เพียงสองวิชาเท่านั้น ที่จะทำให้สัตว์โลกไม่ติดกับกิเลส ไม่ติดในกองทุกข์ และไม่ติดอยู่ในโลก ส่วนวิชาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น วิชาคณิตศาสตร์ การเงิน การบัญชี วิทยาศาสตร์ กราฟฟิคดีไซด์ การทหาร ศิลปะศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้สัตว์ติดอยู่ในโลก ต้องคอยแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน หลงติดอยู่ในอำนาจ คอยแต่จะประหัตประหารกัน ทำร้ายซึ่งกันและกัน ข่มเหงรังแกมนุษย์ด้วยกันตลอดจนถึงสัตว์โลกชนิดอื่นๆ ก็ถูกมนุษย์รังแกอย่าง แสนสาหัส ซึ่งวิชาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเดรัจฉานวิชาทั้งสิ้น เป็นอวิชชาทั้งหมด เพราะทำให้สัตว์ติดอยู่ในโลกติดอยู่ในสงสาร วนเวียนแบบนี้เรื่อยไปนับเป็นกัปล์ เป็นอสงค์ไขย มนุษย์ทั้งหลายก็ยังคงสรรเสริญความรู้เหล่านี้ว่าดีเลิศประเสริฐศรี ปล่อยให้กิเลสมันหลอกอยู่อย่างนี้มาตลอด วิชาไสยศาสตร์เสียอีกที่ชักนำให้ต้องฝึกสมาธิ ใช้สมถะกรรมฐานเป็นบาทฐานแห่งพลังจิต เหมือนหลอกเด็กว่าจะให้กินขนม แต่ต้องกินยาเสียก่อน คือต้องฝึกสมาธิก่อนแล้วค่อยใช้คาถาอาคมจึงจะได้ผล ต้องทำจิตให้เข้าถึงคุณพระเสียก่อนจึงจะสามารถดึงแรงครูมาใช้ให้เกิดฤทธิ์ได้ สอนให้ศิษย์เจริญอานาปานสติภาวนามัยอยู่เสมอ ระลึกถึงคุณพระเสมอ จิตของศิษย์ก็จะอ่อนน้อมเข้าสู่กระแสธรรมเองโดยอัตโนมัติ และยิ่งมีกำลังสมาธิสูงมากเท่าไหร่ คุณธรรมในใจที่เพาะบ่มในใจก็จะเติบโตขึ้นมาเท่านั้น จนท้ายที่สุดก็จะละวางวิชาไสยศาสตร์ลงไปเองโดยปริยาย และจะฝึกเพื่อละวางกิเลสโดยตรงอย่างเดียว เท่าที่เห็นครูบาอาจารย์ทางไสยศาสตร์หลายๆท่านก็จะเป็นไปตามนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ อ.ชุม ไชยคีรี,อ.ฟ้อน ดีสว่าง,อ.เทพย์ สาริกบุตร,หลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท ฯลฯ เพราะว่าพระนิพพานเป็นปลายทางของทุกคน
0 comments:
แสดงความคิดเห็น